

โรคและอาการที่สัมพันธ์กับระบบภูมิคุ้มกัน
แบคทีเรียธรรมดาทั่วไปมีส่วนสัมพันธ์กับโรคเอ็มเอส (MS)
รายงานที่สร้างความความตื่นตระหนักที่พบในรายงานประจำปีทางประสาทวิทยา (Annals of Neurology) รายงานว่าพบเชื้อแบคทีเรียธรรมดาที่เรียกกันว่า Chlamydiapneumonia ในตัวคนไข้ทุกคนที่ได้รับการทดสอบในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโรค MS (Multiple Sclerosis) แบคทีเรียชนิดนี้เป็นชนิดเดียวกับที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคปอดบวม ขณะที่โรคเอ็มเอส ถูกจัดประเภทให้เป็นภาวะผิดปกติของการแพ้ภูมิตัวเองชนิดหนึ่ง (Autoimmune disorder) ซึ่งกลไกการป้องกันตัวของระบบภูมิคุ้มกันเกิดผิดพลาดไปทำลาย สิ่งที่ปกป้องเส้นประสาท กรณีศึกษาใหม่ ๆ ได้บอกเราว่าแบคทีเรียอาจเป็นตัวการที่แท้จริง
ข้อสังเกต : โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสนั้นถูกค้นพบว่ามีส่วนสัมพันธ์กับโรคเอ็มเอสด้วย ข้อมูลล่าสุดที่ออกมาจากสถาบันของความผิดปกติของระบบประสาทและสโตรคแห่งชาติ (theNational institute of Neurological Disorders and Stroke) เสนอแนะว่าโรคผิวหนังที่เกิดจากไวรัสชนิดหนึ่ง (herpes virus) พบได้ใน 30% ของผู้คนที่ได้รับการทดสอบเกี่ยวกับโรคเอ็มเอสนั้นอาจมีส่วนสัมพันธ์กับเชื้อโรคนี้ในสภาวการณ์ทั้งสองอย่างนี้ทำให้สรุปได้ว่า สารที่แพร่เชื้อออกไปได้นี้ยังคงซ่อนเร้นในเนื้อเยื่อของระบบประสาทจนกว่ามันจะเกิดการลุกลามแพร่กระจายออกไป
น้ำหนักและไวรัสแอบแฝง
แม้แต่การมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นก็อาจมีส่วนสัมพันธ์กับระบบภูมิคุ้มกันที่เสียสมดุลนักวิจัยที่ฝ่ายโภชนาการและวิทยาศาสตร์ด้านอาหาร (the Department of Nutrition and Food Science) แห่งมหาวิทยาลัยเวนน์ สเตท (WayneState University) ในเมืองดีทรอยท์รายงานในเดือนสิงหาคมในปีนี้ว่า การเก็บสะสมของไขมันที่เพิ่มขึ้นมีส่วนสัมพันธ์กับเชื้อไวรัสที่มีในขณะนั้นหากการติดเชื้อไวรัสก่อให้เกิดภาวะน้ำหนักเกิน ขึ้นตอนแรก ๆ ในการแก้ปัญหาในโปรแกรมการลดน้ำหนักใด ๆ ก็ตามควรจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับที่เหมาะสมของการดำเนินการอาหารเพื่อการลดน้ำหนักและการออกกำลังกายในโลกนี้จะล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงหากการเพิ่มของน้ำหนักของคุณมีส่วนสัมพันธ์กับไวรัสหลากชนิดที่มีอยู่ในขณะนี้ที่สนับสนุนให้เกิดการสะสมเพิ่มขึ้นของไขมันไม่ว่าคุณจะรับประทานอาหารอะไรหรือเคลื่อนไหวมากเท่าไรก็ตาม การเสริมอาหารด้วยทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ก่อให้เกิดความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์บางประการในการต่อต้านบรรดาโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทที่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส
ไวรัสและแบคทีเรียที่แผงตัวเข้ามาในรูปโรคหัวใจและโรคไต
ในวารสาร the American Journal ofMedicine ฉบับเดือนสิงหาคม ค.ศ.2000 (พ.ศ.2543) นักวิทยาศาสตร์ได้รายงานว่า เชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี (hepatitis C virus) สามารถแสดงตัวในรูปของการติดเชื้อที่ไตหรือโรคหัวใจได้ ในปีนี้นักวิจัยชาวอิตาเลียนที่โรงพยาบาลซาน คามิลโล (San Camillo Hospital) ในกรุงโรมรายงานว่ามีหลักฐานที่เพิ่มขึ้นว่าระบบภูมิคุ้มกันที่มีส่วนสัมพันธ์กับโรคหลอดเลือดหัวใจ (atherosclerosis) แบคทีเรียชนิดเดียวกันที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคเอ็มเอส (Chlamydia pneumoniae) อาจเป็นสาเหตุเฉพาะที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจเช่นเดียวกันนัยที่แฝงอยู่ในกรณีศึกษาเหล่านี้กำลังเพิ่มความสำคัญขึ้นอย่างมหาศาล เช่นเดี่ยวกันว่า หากการติดเชื้อที่คงอยู่นานคือสาเหตุที่แท้จริงของโรคหัวใจ เราก็เดินตามแนวทางการบำบัดรักษาที่ผิดทางมานานหลายทศวรรษแล้ว การเสริมอาหารด้วยทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ สามารถเตรียมความพร้อมสำหรับภูมิคุ้มกันซึ่งอาจช่วยปกป้องอวัยวะอย่างหัวใจจากการติดเชื้อได้
โรคข้ออักเสบ (Arthritis) อาจเป็นผลมาจากการติดเชื้อของข้อต่อ
ประเด็นนี้อาจทำให้คนมากมายประหลาดใจ แต่โรคข้ออักเสบบางชนิดนั้นเกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลาสั้นๆของการติดเชื้อของอวัยวะในร่างกาย นอกจากนี้ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ชาวดัทซ์ยังรายงานว่าโรคข้ออักเสบเรื้อรังอาจมีความเชื่อมโยงกับเชื้อแบคทีเรียด้วย
แท้จริงแล้วถ้าคุณทุกข์ทรมานจากโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ซึ่งเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองโรคของคุณอาจประทุขึ้นจากการติดเชื้อมาก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจมีการกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่มากเกินไป ซึ่งในภาวการณ์นี้จำเป็นต้องกดอาการให้ลดลง
ภาวะความเครียดประจำวันในชีวิตของเราและการอาศัยอยู่บนโลกใบนี้อย่างง่าย ๆ ส่งผลให้ระบบการทำงานที่เหมาะสมของระบบภูมิคุ้มกันต้องเสี่ยงภัยและต้องปรับตัว ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ จะกระตุ้นความสามารถของคุณในการตอบสนองภาวะความท้าทายเหล่านั้น ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ เกี่ยวข้องกับการมีชีวิตอยู่อย่างมีสุขภาพดี
(จูน เฟอร์ราริ ที่ปรึกษาทางโภชนาการผู้ได้รับการรับรอง)
โรคลมบ้าหมู (Epilepsy) มีส่วนสัมพันธ์กับเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ
ใน ค.ศ.1997 (พ.ศ.2540) นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้ศึกษาผู้คนที่เป็นโรคลมบ้าหมูจำนวน 135 คน พบว่ามากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้คนเหล่านี้มีภาวะความผิดปกติหนึ่งครั้งหรือมากกว่าในระบบภูมิคุ้มกันระดับเซลล์ โรคลมบ้าหมูบางชนิดอาจมีสาเหตุมาจากภาวะภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง การเสริมอาหารด้วยทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบภูมิคุ้มกันในระดับเซลล์และอาจเป็นการบำบัดรักษาเสริมที่มีคุณค่าเพื่อควบคุมอาการชักของโรคลมบ้าหมู
อัลไซเมอร์ (Aizheimer’s Disease) มีส่วนสัมพันธ์กับระบบภูมิคุ้มกัน
บทความใน ค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) ในงานวิจัยเรื่องความก้าวหน้าในการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับยา (Progress in DrugResearch) รายงานว่าโรคอัลไซเมอร์ อาจมีส่วนสัมพันธ์กับภาวการณ์ตอบสนองของแอนติบอดี (antibody) ที่ผิดปกติที่มีต่อส่วนประกอบของเซลล์ประสาทในสมอง การทำหน้าที่ผิดปกติของภูมิคุ้มกันอาจทำลายเนื้อเยื่อสมองที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำ
วายร้ายที่ร่วมกันทำลายระบบภูมิคุ้มกัน
1. ภาวะทุพโภชนการ น้ำตาลทุกรูปแบบ (รวมทั้งน้ำผึ้ง) รบกวนความสามารถของเซลล์เม็ดเลือดขาวในการทำลายแบคทีเรีย รายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการทางการแพทย์แห่งอเมริกัน (American Journal ofClinical Nutrition) ระบุว่าภายในสามสิบนาทีของการบริโภคกลูโคล ฟรุคโตส ซูโครส และน้ำผึ้งหรือน้ำผลไม้ปริมาณสี่ออนซ์ความสามารถของเซลล์เม็ดเลือดขาวในการ ทำลายผู้บุกรุกที่แปลกปลอมเข้ามาได้ลดลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และยังคงอยู่มากกว่าห้าชั่วโมง ความสามารถโดยเฉลี่ยในการย่อยน้ำตาลฟอกขาวของคนอเมริกันคือ 150 กรัมต่อวัน
ภาวะภูมิคุ้มกันที่ถูกกดไว้สามารเกิดขึ้นได้ แม้ขาดธาตุเหล็กและซีเลเนียมเพียงเล็กน้อยแร่ธาตุทั้งสองนี้ชาวอเมริกัน จำนวนมากมักจะขาด นอกจากนี้ภาวะการขาดวิตามินเอซึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดาในเด็กก็สามารถทำให้การ ทำงานของภูมิคุ้มกันบกพร่องได้
การบริโภคไขมันในปริมาณที่มากเกินไปทำให้ภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การเพิ่มขึ้นของระดับคอเลสตอรอลสามารถขัดขวางการทำงานของภูมิคุ้มกันรวมทั้ง ความสามารถของเซลล์เม็ดเลือดขาวในการโจมตีกับสิ่งมีชีวิตที่ก่อให้เกิดการ ติดเชื้อ โรคอ้วนมีส่วนสัมพันธ์กับภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ ผู้ที่มีน้ำหนักเกินจะทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวด้อยประสิทธิภาพลง
2. มลพิษ กรณีศึกษานับร้อย ๆ เรื่องที่ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นที่ยอมรับแสดงให้เห็นว่ายาฆ่า แมลงมากมายหลายชนิดทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในสัตว์ทดลอง และทำให้พวกมันติดเชื้อโรคได้ง่าย
การทำร้ายร่างกายด้วยความเครียดอย่างต่อเนื่อง ดังเช่นสิ่งต่อไปนี้ ทำให้การป้องกันภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของเราอ่อนแอลง
อนุมูลอิสระ
เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
บุหรี่
วัยที่เพิ่มขึ้น
การย่อยที่ไม่ดี
การนอนไม่หลับ
ไขมันเลว
อาหารลดความอ้วน
การเดินทางระหว่างประเทศ
การรับประทานอาหารไม่มีคุณค่า
ผลข้างเคียงของยาก
ทางโภชนาการ/ผิดเวลา
ศูนย์ดูแลเด็กในตอนกลางวัน
การใช้ยาแก้อักเสบในทางที่ผิด
การใช้สารเสพติด
ยาฆ่าแมลงลดจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวและเซลล์ลิมโฟไซด์ (Lymphocytes) ที่ใช้ต่อสู้กับเชื้อโรค และทำให้ความสามารถของเซลล์ลิมโฟไซด์ด้อยลงในการตอบสนองและฆ่าแบคทีเรียและ ไวรัส
รายงานล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสารมลพิษทางสิ่งแวดล้อมและภูมิคุ้มกันระบบ ประสาท (Environmental Pollution and Neuroimmunology) ระบุว่าผลกระทบที่ผสมผสานกันของปัจจัยอันหลากหลาย เช่น สารเคมี การฉายรังสี และความเครียดที่มีต่อระบบภูมิคุ้มกันอาจนำไปสู่ประสิทธิภาพการทำงานของภูมิ คุ้มกันที่ตกต่ำลงในรูปของโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจและการอักเสบ
3. ความเครียด ความเครียดจะปล่อยสารชีวเคมีที่กดการทำหน้าที่ของภูมิคุ้มกันให้ตกต่ำลง และผลักให้เราตกอยู่ในภาวะความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อแทบทุกชนิด
อะไรและอย่างไรที่เราคิดว่าส่งผลกระทบต่อภาวะภูมิคุ้มกันข้อมูลใหม่ล่าสุด รายงานว่าเซลล์สมองจะเป็นตัวสร้างสารเคมีของระบบภูมิคุ้มกัน
ความเครียดหลังเหตุการณ์รุนแรงที่ทำให้เกิดความทุกข์ระทม หลังพายุเฮอร์ริเคนแอนดรูว์ได้ทำให้เซลล์นักฆ่าของระบบภูมิคุ้มกันลดระดับ ต่ำลงในการทดสอบกับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงในชีวิตใด ๆ ได้นำพารูปแบบความเครียดหลังเหตุการณ์รุนแรงควบคู่มาด้วย ซึ่งสามารถทำให้พวกเราติดเชื้อโรคได้ง่ายขึ้น
การป้องกันตนเองของภูมิคุ้มกันในเบื้องต้น/ระยะเริ่มแรก เมื่อลำคอของคุณเกิดอักเสบเป็นรอยแดง คุณรู้สึกเหมือนเป็นไข้หรือคุณจะสังเกตเห็นรอยแดงกระจายตัวเป็นหย่อม ๆ ไปโดยรอบ คุณกำลังเห็นผลของกลยุทธ์การต่อสู้ที่ซับซ้อนมากของระบบภูมิคุ้มกัน อาการต่าง ๆ ของการเจ็บป่วยบอกเราว่า การต่อสู้ของภูมิคุ้มกันของเราได้ก่อตัวขึ้นเพื่อตอบโต้กับโรคใด ๆ ก็ตามที่เข้ามาในร่างกายของเรา เพื่อที่จะทำงานให้ได้ดีระบบภูมิคุ้มกันของเราจะต้องทำงานาเหมือนกับเครื่อง จักรที่มีน้ำหล่อลื่นเป็นอย่างดี ด้วยลักษณะการทำงานที่เหมือนกับเรดาห์ที่จับสัญญาณได้ไว ระบบภูมิคุ้มกันจะต้องจดจำเชื้อโรคต่าง ๆ เสมือนผู้บุกรุกที่แปลกปลอมเข้ามาและแยกพวกมันออกจากเซลล์ และโมเลกุลต่าง ๆ ของร่างกายเอง เพราะมันทำงานในระดับโมเลกุล เซลล์ภูมิคุ้มกันทำงานเสมือนส่วนหนึ่งของระบบโต้ตอบอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งบ่ง ชี้ถึงภาวะสุขภาพและความอยู่รอดของเราได้มาก
จุดด้อยโดยทั่วไปของภูมิคุ้มกันเมื่อระบบภูมิคุ้มกันเกิดปฏิกิริยาตอบโต้มากเกินไปกับสารแอนติเจน (สิ่งแปลกปลอม) เช่น เกสรดอกไม้ก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ตอบโต้ขึ้นมาได้ เมื่อตัวตัดสัญญาของภูมิคุ้มกันอ่านสารแปลกปลอม (แอนติเจน) ในเซลล์ของเราเองผิดพลาดและทำการตอบโต้ก็จะเกิดอาหารผิดปกติของการแพ้ภูมิ ตัวเอง เช่น โรคลูปัส อีริทีมาโทซัส (Inpus erythematosus) หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid-arthritis) เมื่อระบบภูมิคุ้มกันล้มเหลวในการตอบโต้กับผู้บุกรุกจากภายนอกอย่างเหมาะ สม อาการติดเชื้อก็จะเกิดขึ้นของตนเอง หลังจากพวกมันกลายตัวเป็นเนื้องอก มะเร็งก็สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา สารพิษ หรือเซลล์มะเร็งบุกรุกเข้ามา ระบบภูมิคุ้มกันจะกระจายตัวกันทำงานด้วยการค้นหาและทำลายศัตรูที่ติดเชื้อ ให้สิ้นซาก สารต่าง ๆ ในระบบภูมิคุ้มกันอื่น ๆ จะทำหน้าที่เสมือนผู้ส่งข่าวสาร ปลดปล่อยโมเลกุลต่าง ๆ ออกมาให้ทำการปรับระดับของกระบวนการทำงานทั้งหมดให้เหมาะสม เมื่อใดก็ตามระบบภูมิคุ้มกันของเราต่อสู้ขัดขวางการติดเชื้อได้สำเร็จมัน ก็จะยิ่งแข็งแรงขึ้นและได้รับการติดอาวุธที่ดียิ่งขึ้นเพื่อต่อสู้กับปัญหา สุขภาพต่าง ๆ ในอนาคต
ภูมิคุ้มกันประเภทตอบสนองมากเกินไป (Overactive ImmuneDisorders)
อาการแพ้
หอบหืด
ผิดแห้ง บวม แดง (Eczema)
rhinitis
ผิวเป็นผืนแดงและเจ็บแสบ (Urticaria)
โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Diseases)
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Ms)
โรคเบาหวาน Type l
เรื้องกวาง (Psoriasis)
ลูปัส (Lupus)
scleroderma
ITP
รูมาตอยด์อาร์ไทรทิส (Rheumatoid Arthritis)
อาการบวมแดงผิดปกติ (Imflammatory Disorders)
Fibromyalgia
Crohn’s disease
Celiac disease
Ulcerative colitis
ลำไล้บางส่วนอักเสบ (Irritable bowel)
ภูมิคุ้มกันตอบสนองต่ำเกินไปผิดปกติ (UnderactiveImmune Disorders)
อาการติดเชื้อ
ภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV)
ตับอักเสบชนิดบี/ซี
มะเร็ง
ไซนัสอักเสบ
ปลายประสาทอักเสบ(Shingles)
วัณโรค
อ่อนเพลียเรื้อรัง
ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
รูมตอยด์ อาร์โทรทิสในระยะเริมแรก (Juvenile rheumatoid arthritis) นักวิจัยชาวญี่ปุ่นค้นพบว่า การเสริมอาหารด้วยทรานเฟอร์ แฟกเตอร์ถูกใช้และให้ผลที่ดีในกรณีของรูมาตอยด์ อาร์ไทรทิส ในระยะซึ่งไม่ตอบสนองต่อยาสเตียรรอยด์และยากดภูมิคุ้มกันในปริมาณสูง
.เบาหวานในระยะเริ่มแรก (Juvenile diabetes mellitus) ใน ค.ศ.1995 (พ.ศ.2539) นักวิทยาศาสตร์รายงานว่าทั้งบทบาทการกระตุ้นและการกดของ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ อาจมีส่วนสนับสนุนผลกระทบอันยาวนานและต้านเบาหวานในการศึกษา นี่คือข่าวดีของใครก็ตามที่เป็นโรคเบาหวาน Type lความไม่สมดุลของภูมิคุ้มกันเป็นสาเหตุเบื้องหลังความเจ็บป่วยเรื้อรัง จำนวนมาก เพราะทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ สามารถทำหน้าที่เสมือนตัวปรับปรุงภูมิคุ้มกันให้เป็นกลางมันจึงสามารถช่วย ฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันให้สมดุลในสถานการณ์ทางคลินิคมากมายหลายรูปแบบ
นพ.เค็นเน็ท บ๊อค
Atopic dermatitis การทดสอบกับ 30 ผู้ป่วยที่มีอาการปานกลางถึงรุนแรงของโรคผิวหนังอักเสบ Atopic ที่ถูกรักษาด้วยสารเสริมทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ และการพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถูกพบเห็นใน 4 อาการหลักของความผิดปกติทางผิวหนังซึ่งเจ็บปวดนี้