|
||
|
||
|
การแข็งตัวของอวัยวะเพศ แบ่งการแข็งตัวออกได้เป็น 3 ชนิดใหญ่
1. เกิดจากจิตใจ ส่วนใหญ่เกิดจากระบบประสาทส่วนกลาง ความล้มเหลวในการกระตุ้นให้เกิดการแข็งตัวมักจะเกิดจากจิตใจ สมอง ระบบประสาท และการขาดฮอร์โมนเพศชาย
2. เกิดจากปฏิกิริยาสะท้อนกลับ ส่วนใหญ่เกิดจากการกระตุ้นที่อวัยวะเพศ ความล้มเหลวที่เลือดแดงจะไหลเข้ามาคั่งในอวัยวะเพศ ประเภทใจสู่แต่องคชาติไม่ขยายตัวยาว ใหญ่และแข็งพอมักจะเกิดจากระบบไหลเวียนโลหิตมาเลี้ยงองคชาติไม่พอ
3. เกิดในยามวิกาล เกิดขึ้นในช่วงของการหลับที่มีการกลอกตาอย่างรวดเร็ว ความล้มเหลวในการกักกันเลือดแดงที่ไหลเข้ามาคั่งในองคชาติแล้วค้างอยู่ได้มากพอและนานพอที่จะทำให้ องคชาตแข็งตัวเต็มที่และนานพอที่จะมีเพศสัมพันธุ์ได้สำเร็จ มักจะเกิดจากผู้สูงอายุมีพังผืดมาแทนหลอดเลือดแดง
การแข็งตัวส่วนใหญ่เป็นผลร่วมกันของการกระตุ้นทางจิตใจ และปฏิกิริยาสะท้อนกลับ
โครงสร้างของอวัยวะเพศ
อวัยวะเพศของผู้ชายประกอบไปด้วยท่อสามท่อเหมือนพองน้ำเรียกว่า corpus carvernosum สองท่อวิ่งขนานกับท่อปัสสาวะ อยู่ด้านบน และ corpus spongiosum 1 ท่อวิ่งอยู่ด้านล่าง เมื่ออ่อนตัวความยาวอยู่ประมาณ 8.8 ซม.เมื่อได้รับการกระตุ้นเลือดจะเข้าท่อฟองน้ำทำให้มันสามารถขยายได้มากถึง 7 เท่าทำให้อวัยวะเพศใหญ่ขึ้นและแข็งตัวขึ้นและมีความยาว 12.9 ซม.ตราบเท่าที่ยังมีการตื่นเต้นทางเพศอวัยวะเพศก็ยังแข็งตัว แต่เมื่อมีการหลั่งเลือดออกจากอวัยวะเพศทำให้มีการอ่อนตัว
กลไกการแข็งตัวของอวัยวะเพศ
การที่อวัยวะเพศจะแข็งตัวได้ต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้
· หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศต้องไม่ตีบ เพราะการที่อวัยวะเพศจะแข็งตัวต้องมีเลือดไปคั่ง หากมีหลอดเลือดแดงแข็งเลือดก็ไม่สามารถไปเลี้ยงได้อย่างเต็มที่ ภาวะที่ทำให้หลอดเลือดแข็งได้แก่ ผู้ที่สูบบุหรี่ โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
· ระบบประสาทส่วนปลายซึ่งเป็นระบบที่จะรับความรู้สึกที่เกิดจากการสัมผัสทางร่างกาย
· ระบบไขสันหลังซึ่งเป็นระบบที่จะเชื่อมโยงการรับความรู้สึกจากประสาทส่วนปลายไปยังประสาทส่วนกลาง และถ่ายทอดคำสั่งมายังองคชาติ
· ระบบประสาทส่วนกลางซึ่งประกอบด้วยสิ่งเร้าทั้งหลาย เช่น การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น รวมทั้งจิตนาการณ์และประสบการณ์ในอดีต
· จิตก็เป็นเรื่องสำคัญ
สาเหตุของการเกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ส่วนมากของผู้ที่มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เชื่อว่าเกิดจากการลดระดับของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน การเสื่อมสังขารตามธรรมชาติหรือสาเหตุทางจิตใจ แต่ความจริงพบว่าโรคนี้สัมพันธ์กับโรคบางโรค การบาดเจ็บ หรือจากการรักษาทั้งทางยา และการผ่าตัด
สาเหตุของกามตายด้าน
การแข็งตัวของอวัยวะเพศต้องมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
o โดยเริ่มต้นจากต้องมีความรู้สึกต้องการทางเพศซึ่งเกิดที่สมองได้รับการกระตุ้นซึ่งอาจจะเกิดจากรูป กลิ่น เสียง สัมผัส และจากความคิด
o ส่งผ่านความรู้สึกต้องการทางเพศนั้นไปยังประสาทไขสันหลังและไปกระตุ้นอวัยวะเพศทำให้เลือดไหลเข้าอวัยวะเพศ
o หลอดเลือดที่อวัยวะเพศต้องมีการขยายตัวเลือดจึงจะเข้าในอวัยวะเพศได้อย่างเต็มที่
ดังนั้นหากมีปัจจัยมากระทบกลไกทั้งสามก็จะทำให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ประกอบด้วยโรคต่าง ๆ จำนวนมาก ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไต เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง อัมพฤก อัมพาต โรคเกี่ยวกับ ระบบเส้นเลือด เบาหวาน ความดันโลหิตสูงหัวใจ โรคเหล่านี้ ทำให้เกิดอาการเสื่อมได้ทั้งสิ้น เนื่องจากสุขภาพทางกายไม่แข็งแรง
ในคนปกติทั่วไป หากมีโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเกิดขึ้น มีปัจจัยทั้งด้านจิตใจและสิ่งแวดล้อมเข้ามา เกี่ยวข้องในการวิจัยที่ต่างประเทศ
การเสื่อมในผู้ชายที่แข็งแรง อายุเฉลี่ย 40-60 ปี พบว่าการเสื่อมมีสูงถึงประมาณใกล้เคียง 50 % คือ 1 ใน2 คนมีภาวะเสื่อม การเสื่อมมีหลายระดับ เช่น เสื่อมเล็กน้อย หรือเสื่อมบางครั้งบางคราว เสื่อมปานกลาง คือ เริ่มมีกิจกรรมทางเพศไม่ได้ และการเสื่อมสมบูรณ์แบบ คือ ไม่สามารถมีกิจกรรมทางเพศได้อีกเลย เป็นที่น่าสังเกตว่าการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเริ่มแฝงตัวในคนปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ
และโรคมัลติเปิลสเคลอโรซิส (multiple sclerosis) โรคเหล่านี้ทำให้เกิดความผิดปกติต่อหลอดเลือด เส้นประสาทของอวัยวะที่จะมีผลต่อการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ยาหลายชนิดก็มีผลด้วยเช่นกัน การลดลงของการสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน ก็อาจทำให้ความสนใจในทางเพศลดลง และหรือทำให้การแข็งตัวลดลงด้วย นอกจากนั้นกระบวนการการบำบัดทางจิต อาจรบกวนการกระตุ้นทางด้านจิตใจ หรือลดความตื่นตัวในการรับความรู้สึก
ใครที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้
สาเหตุของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศมักจะมีหลายสาเหตุร่วมกัน หากมีหลายสาเหตุก็จะทำให้มีโอกาศเกิดมากขึ้น ปัจจัยที่เป็นสาเหตุได้แก่
1. อายุ พบว่าอายุมากก็พบโรคนี้ได้เพิ่มขึ้นโดยพบว่าผู้ที่มีอายุ 40-49,50-59,60-70 ปีจะพบ ED ได้ร้อยละ20.4,46.3,73.4 ตามลำดับ
2. สังคมและเศรษฐกิจพบว่าผู้ที่มีรายได้สูง มีความรู้ อาชีพที่ดีจะมีปัญหา ED น้อยกว่าคนที่มีรายได้น้อย
3. โรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรัง โรคประจำตัวต้องเป็นโรคเรื้อรังที่เป็นมานานพอควรเป็นโรคที่มีผลต่อหลอดเลือดแดง หลอดเลือดดำ กล้ามเนื้อบริเวณอวัยวะเพศสามารถทำให้โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เช่นโรคเบาหวาน โรคไต โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคหลอดเลือดแดงแข็ง atherosclerosis โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศในกลุ่มนี้พบได้ร้อยละ 70 โรคที่สำคัญได้แก่
· โรคหัวใจและหลอดเลือด เพราะจะทำให้มีการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศน้อยลง
· โรคความดันโลหิตสูง
· โรคเบาหวานมักจะเกิดหลังจากเป็นเบาหวานแล้วประมาณ 10 ปีซึ่งมีสาเหตุสำคัญคือ เส้นเลือดแข็ง ระบบประสาทอัตโนมัติ
· โรคต่อมลูกหมากโต
สภาพร่างกายที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แบ่งออกเป็นห้ากลุ่มหลัก ดังนี้ (ตรงนี้ผมว่าสำคัญมาก)
การวินิจฉัย
o ประวัติการเจ็บป่วย โรคที่เป็นอยู่ ยาที่ใช้เป็นประจำ ความถี่ของความต้องการทางเพศ ความถี่ของการแข็งตัว ความถี่ของการหลั่ง ข้อมูลเหล่านี้คุณต้องเตรียมไว้สำหรับตอบคำถามแพทย์
o การตรวจร่างกาย ลองจับอวัยวะเพศว่ามีการแข็งตัวหรือไม่หากไม่มีการแข็งตัวอาจจะหมายถึงว่ามีปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาท มีการร่วงของขนอวัยวะเพศหรือไม่หากมีสาเหตุก็อาจจะเกิดจากต่อมไร้ท่อ
o การวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการณ์ แพทย์จะเจาะเลือดตรวจการทำงานของตับ น้ำตาล ไต ไขมันผลเลือดทั่วไป สำหรับผู้ที่มีความต้องการทางเพศต่ำอาจจะต้องเจาะหาระดับฮอร์โมน testosterone นอกจากนั้นยังต้องสังเกตการแข็งตัวของอวัยวะเพศระหว่างที่หลับหากสามารถแข็งตัวตอนกลางคืน หรือตอนเช้ามืดแสดงสาเหตุน่าจะเกิดจากจิตใจ
การรักษา
1. การรักษาเบื้องต้นต้องกำจัดหรือลดปัจจัยเสี่ยงให้น้อยที่สุด คือจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตเช่น รับประทานอาหารที่มีกากอาหาร อาหารที่มีไขมันต่ำ ลดเกลือ งดสุรา งดบุหรี่
2. Psychotherapy การรักษาทางด้านจิตใจหากปัญหากามตายด้านเกิดจากทางด้านจิตใจแพทย์จะช่วยลดความกังวล
3. การใช้ยาในการรักษา Drug Therapy มีทั้งยารับประทาน ยาฉีดหรือยาสอด
o Sildenafil citrate หรือชื่อในทางการค้าว่า Viagra เป็นยาที่ใช้รักษาอาการกามตายด้านตัวแรกโดยต้องรับประทานก่อนมีเพศสัมพันธ์ 30 นาที-1 ชั่วโมง ควรจะรับประทานยาตอนท้องว่าง ยาจะออกฤทธิ์นาน 4-5 ชั่วโมง จนทำให้บางคนสามารถมีเพศสัมพันธ์ตอนเช้าทั้งที่รับประทานยาตอนก่อนนอน ยานี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อผู้ที่ใช้จะต้องมีความต้องการทางเพศ ยานี้จะเพิ่มเลือดให้ไปเลี้ยงอวัยวะเพศมากขึ้นขนาดที่ใช้ 50มิลิกรัมต่อวันไม่ควรใช้มากกว่า 1 ครั้งต่อวัน สำหรับผู้ที่มีโรคตับ ไตวาย หรืออายุมากกว่า 65 ปีอาจจะเริ่มวันละ 25 มิลิกรัมต่อวัน หากได้ผลไม่ดีและไม่มีโรคแทรกซ้อนจึงเพิ่มขนาดของยา ข้อห้ามใช้ยานี้ได้แก่ผู้ที่เป็นโรคหัวใจได้รับยา nitrate ไม่ควรใช้ยานี้เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำเป็นลมและเกิดอันตราย ส่วนการรับประทานยานี้ร่วมกับยาลดความดันชนิดอื่นก็ไม่ส่งผลเสีย ยาในกลุ่มนี้ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยได้แก่ Levistra
o ยาในกลุ่ม alpha blocker ได้แก่ yohimbine [Procomil] แต่เดิมเป็นยากระตุ้นความต้องการทางเพศ แต่ปัจจุบันทราบว่ายานี้ออกฤทธิ์ที่สมอง และขยายหลอดเลือดที่ส่วนปลาย รวมทั้งองคชาตทำให้แข็งตัวได้ ขนาดของยาที่ใช้ 18-30 มิลิกรัมให้รับประทานติดต่อกัน 1-3 เดือน แต่ต้องระวังโรคแทรกซ้อน เช่น ความดันโลหิตสูง ใจสั่น ปัสสาวะบ่อย
o Apomorphine ส่วนใหญ่ใช้ 2-4 มิลิกรัม ออกฤทธิ์ใน 10-25 นาทีใช้อมใต้ลิ้น ผลข้างเคียงของยาต่ำมีเพียงคลื่นไส้อาเจียนเท่านั้น
o ยาฮอร์โมน testosterone เหมาะสำหรับผู้ที่มีระดับฮอร์โมน testosterone ในเลือดต่ำ
o การฉีดยาเข้าอวัยวะเพศ ยาที่นิยมใช้คือ papaverine hydrochloride,phentolamine, and alprostadilยาเหล่านี้จะทำให้หลอดเลือดขยาย ยานี้จะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากฉีดไปแล้ว 5-20 นาทีและออกฤทธิ์ได้นาน 1 ชั่วโมง ผลข้างเคียงของยาอาจจะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่าโด่ไม่รู้ล้มจะทำให้เกิดอาการปวด เกิดอาการปวดบริเวณที่ฉีด เลือดออก
o การใส่ยาเข้าทางท่อปัสสาวะจะเริ่มออกฤทธิ์ในเวลา 8-10 นาที และอยู่ได้นาน 30-60 นาทีและต้องใช้ยางรัดไวเพื่อให้อวัยวะเพศแข็งตัวนาน ผลข้างเคียงมีการระคายเคืองต่อท่อปัสสาวะ อัณฑะ อาจจะมีเลือดออกจากท่อปัสสาวะ
10. การใช้เครื่องสุญญากาศ Vacuum Devices โดยการใช้เครื่องสุญญากาศครอบที่อวัยวะเพศ หลังจากนั้นก็สูบอากาศให้ออกจากท่อทำให้เลือดเข้าไปในอวัยวะเพศจนอวัยวะเพศแข็งตัวได้ดีจึงใช้ยางรัด
|
11. การผ่าตัด Surgery ซึ่งมีการผ่าตัดได้ 3 วิธี
o การผ่าตัดใส่ท่อ prostheses เข้าไปในอวัยวะเพศ ท่อนี้จะต่อเข้ากับเครื่องปั้มเพื่อปั้มน้ำเข้าท่อทำให้เกิดการแข็งตัว
|
o การผ่าตัดแก้เส้นเลือดแดงอุดเนื่องจากได้รับอุบัติเหตุเหมาะสำหรับคนหนุ่ม
o การผ่าตัดแก้หลอดเลือดดำไม่นิยมทำ
ในการเลือกวิธีรักษาแพทย์จะพิจารณาจากอายุและโรคที่เป็นอยู่ หากคุณมีโรคอะไรต้องบอกแพทย์ก่อนรักษาทุกครั้งเนื่องจากมีบางภาวะที่อาจจะมีอันตรายหากมีเพศสัมพันธ์เช่น
o เพิ่งเกิดโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดสมองในระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา
o มีการเต้นผิดปกติของหัวใจบางชนิด
o มีอาการเจ็บหน้าอกเนื่องจากหัวใจขาดเลือดซึ่งยังควบคุมไม่ได้
o ความดันโลหิตที่ยังควบคุมไม่ได้
o โรคหัวใจวายที่ยังควบคุมไม่ได้
o โรคลิ้นหัวใจตีบชนิดรุนแรง
นกเขาขันฟื้นได้อย่างไร (กรุงเทพธุรกิจ)
ข้อมูลจาก นพ.ไพโรจน์ อภัยบัณฑิตกุล ศัลยแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลปิยะเวท
การไม่ยอมแข็งตัวของอวัยวะเพศ หรือแข็งตัวได้ไม่นานพอ เป็นปัญหาโลกแตกของสุภาพบุรุษ ที่พบมากถึง 30% ศัลยแพทย์เผยถึงหนทางรักษาในหลากรูปแบบ
การไม่ยอมแข็งตัวของอวัยวะเพศ หรือแข็งตัวได้ไม่นานพอซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากถึง 30 % ในหนุ่มไทย ชายที่อายุ 40 ปีขึ้นไปที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัว โดยมีถึงสองในสามที่มีปัญหาในระดับปานกลางถึงรุนแรง มีผู้กำลังเผชิญกับโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ มากกว่า 3 ล้านคน
นพ.ไพโรจน์ อภัยบัณฑิตกุล ศัลยแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลปิยะเวท กล่าวว่าการที่อวัยวะเพศชายจะแข็งตัวขึ้นได้นั้น ต้องมีหลายระบบทำงานร่วมประสานกัน
เริ่มจากการมีสิ่งเร้ามากระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางเพศก่อน แล้วสมองก็จะส่งสัญญานไปยังอวัยวะเพศผ่านทางระบบประสาท ทำให้มีการคลายตัวของกล้ามเนื้อควบคุมการไหลเวียนของเลือดเข้าอวัยวะเพศชาย ในขณะเดียวกันหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศจะขยายตัวขึ้นเป็นสองเท่า ทำให้เลือดไหลมาคั่งอยู่ภายในอวัยวะเพศ และเลือดก็ถูกกักไว้โดยเนื้อเยื่อรอบ ๆ เป็นผลให้มีการแข็งตัวของอวัยวะเพศ
ถ้ามีอะไรก็ตามที่มาขัดขวางขบวนการเหล่านี้ จะส่งผลให้เกิดการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศทั้งสิ้น
ตั้งแต่โรคของร่างกาย โรคของจิตใจ หรือแม้แต่ผลจากยาบางชนิด หมอจึงต้องถามประวัติทางการแพทย์อย่างละเอียด โดยเฉพาะประวัติส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์คำถามจะเจาะลึกมาก อาจจะต้องพาภรรยามาด้วย เพื่อช่วยตอบเพื่อให้ได้รายละเอียดมาก และแม่นยำที่สุด
พ้นจากการซักถามประวัติ หมอจะตรวจร่างกาย โดยจะมีการตรวจอวัยวะเพศ และตรวจต่อมลูกหมากทางทวารหนัก มีการเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ และอุจจาระหรืออาจต้องมีการตรวจเพิ่มเติมอย่างอื่นเพื่อค้นหาสาเหตุเป็น พิเศษเฉพาะรายไป
ผลจากการสำรวจชายที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไปที่มีปัญหา(ED) การไม่แข็งตัวของอวัยวะเพศเนื่องมาจากโรคภัยไข้เจ็บ ได้แก่ โรคเบาหวาน-Diabetes มีโอกาสเกิด (ED) 70-75% โรคเบาหวานร่วมกับโรคความดันโลหิตสูง Hypertension มีโอกาสเกิด (ED) 80-85% โรคเบาหวานร่วมกับโรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ Cardiovascular disease มีโอกาสเกิด (ED) 95-100%
ถ้าหากตรวจพบว่าถ้าป่วยเป็นโรคทางกาย หมอจะรักษาโรคที่นั้นก่อน ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวานที่คุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี การดื่มเหล้ามากเกินไป การกินยาลดความดันบางชนิด ซึ่งเมื่อหมอได้แก้ไขปัญหาเหล่านี้แล้ว ปัญหาเรื่องการแข็งตัวน่าจะหมดไป
แต่ถ้ายังไม่ประสบความสำเร็จในการรักษาก็ต้องเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป แล้วการดำเนินการขั้นต่อไปจะขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ ว่าวิธีใดเหมาะสม จะใช้ยาหรือวิธีการบำบัดต่าง ๆ การใช้ยา อาจจะจำเป็นในบางราย และไม่ควรจะวินิจฉัยตัวเอง และซื้อยามาใช้เอง เช่น ฮอร์โมน
มีการใช้ฮอร์โมนเพศเสริมในผู้ที่พบว่า ปัญหานี้เกิดจากระดับฮอร์โมนเพศชายที่ต่ำเกินไป หรืออาจใช้อุปกรณ์สูญญากาศ เป็นท่อพลาสติกสำหรับใช้สวมอวัยวะเพศที่อ่อนตัว แล้วค่อย ๆ ดูดลมออกทำให้ภายในท่อเป็นสูญญากาศ ส่งผลให้มีเลือดไหลมายังอวัยวะเพศมากขึ้น จนอวัยวะเพศแข็งตัว เมื่อแข็งได้ที่แล้วก็ใช้ห่วงยางรัดไว้ที่โคนของอวัยวะเพศไม่ให้เลือดไหลออก แล้วถอดท่อพลาสติกออกก็เป็นอันพร้อมใช้การได้ทันทีอวัยวะเพศแบบฝัง
ถ้าวิธีข้างต้นไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ การฝังอวัยวะเพศเทียมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งซึ่งแก้ปัญหาได้ แต่รายละเอียดเจาะลึก คงต้องไปคุยกับศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะศัลยกรรม หลอดเลือด การผ่าตัดแก้ไขปัญหาของหลอดเลือดดำ และหลอดเลือดแดงที่มาเลี้ยงอวัยวะเพศ อย่างน้อยก็จะได้ผ่อนคลายความกังวล หรืออาจเป็นการแนะนำให้ผู้ป่วยฝึกอะไรบางอย่างซึ่งจะช่วยให้ร่วมรักได้นานขึ้น
โรคทุกชนิด ไม่ว่าเฉียบพลัน หรือเรื้อรังจะทำให้ความต้องการทางเพศลดลงได้ ไม่ว่าจะเป็นเพียงไข้หวัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงการป่วยหนัก ๆ เช่น เป็นโรคหัวใจหรือมะเร็ง
ในทางกลับกัน ถ้าร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการออกกำลังและกินอาหารอย่างเหมาะสม ตลอดจนกินยา อย่างถูกต้องตามเวลา (ในกรณีที่มีโรคประจำตัว) ย่อมจะมีความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น ฤทธิ์ของยา ไม่ว่าจะเป็นยาลดความดัน ยาคลายเครียด ยารักษาภาวะซึมเศร้า ล้วนแต่ลดความต้องการ ความเครียด ไม่ว่าจะมาจากเรื่องใด เรื่องแฟน เรื่องงาน เรื่องครอบครัว หรือเรื่องเศรษฐกิจ ก็ล้วนแต่ลดความต้องการทางเพศลงได้ทั้งสิ้น
และเมื่อสามารถแก้ปัญหาที่มากวนใจเหล่านี้ได้ ความต้องการทางเพศก็จะกลับมาดีเหมือนเดิม
โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศเป็นโรคที่พบบ่อย และก่อให้เกิดปัญหาในชีวิตประจำวันในหลายด้าน ผู้ชายทั่วโลกเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศมากกว่า 100 ล้านคน ประมาณว่า 52% ของชายอายุ 40-70 ปี มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศระดับใดระดับหนึ่ง ในหมู่คนเหล่านี้จำนวนมากจะก่อให้เกิดปัญหาความเครียดที่กระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวตามมา และอาจทำให้เกิดโรคซึมเศร้าสูญเสียความนับถือตัวเอง และมองภาพตัวเองไม่ดี
เมื่อเรารู้แบบนี้แล้วก็ไม่ต้องวิตกกังวลไปครับ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงสาเหตุต่างๆที่นำพาโรคนี้มาสู่เรา ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบรรเทาอาการหย่อนสมรรถภาพมากมายให้เลือกใช้ ถึงจะบอกไม่ได้ว่าจะหายขาดแต่ก็ช่วยบรรเทาได้ บวกกับเราดูแลสุขภาพดีๆ เท่านี้คุณผู้ชายอย่างเราก็คงยิ้มได้ไปอีกนานเชียวล่ะ
|
ชายวัยทอง
ภาวะการพร่องฮอร์โมนใน...ชายวัยทอง
ความเชื่อที่มีกันมานานว่า ผู้ชายจะคงความเป็นชายหรือมีการสร้างฮอร์โมนเพศชายไปตลอดชีวิต ส่วนผู้หญิงนั้นเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนแล้วรังไข่จะหยุดการสร้างฮอร์โมนเพศหญิง ทำให้เกิดกลุ่มอาการต่างๆ ทั้งทางด้านร่างกายจิตใจ และอารมณ์
แท้ที่จริงแล้ว เมื่ออายุย่างเข้าวัย 40 ปีขึ้นไป การสร้างฮอร์โมนเพศชายจะลดลงอย่างสม่ำเสมอทุกปี เมื่อระดับของฮอร์โมนเพศชายลดลงถึงระดับหนึ่งจะเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายไปบางส่วน ทำให้เกิดอาการต่างๆคล้ายกับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
ภาวะการพร่องฮอร์โมนเพศชายดังกล่าว มักจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อผู้ชายย่างเข้าสู่วัยกลางคน และอาการต่างๆจะแสดงออกเมื่อระดับฮอร์โมนเพศชายลดลงกว่าระดับปกติของร่างกายประมาณ 20 เปอร์เซนต์ การพร่องฮอร์โมนเพศชายไปบางส่วนนี้จึงมีชื่อเรียกว่า " พา - ดาม " ตรงกับคำในภาษาอังกฤษคือ PADAM ซึ่งย่อมาจากคำว่า PARTIAL ANDROGEN DEFICIENCY OF THE AGING MALE
ผลการศึกษาวิจัยที่เชื่อถือได้มาจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยบอสตันประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าเมื่อผู้ชายอายุย่างเข้า 40 ปี การสร้างฮอร์โมนเพศชายจะลดลงปีละ 1เปอร์เซนต์ และอาการต่างๆ อันเป็นผลมาจากการขาดฮอร์โมนเพศชายนั้น จะค่อยเป็นค่อยไป ไม่เกิดขึ้นรวดเร็วและอาการมากเหมือนผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
อาการ ! ที่บ่งบอกถึง " ภาวะการพร่องฮอร์โมนเพศชาย "
อาการระยะแรก : เมื่อร่างกายเริ่มพร่องฮอร์โมนเพศชาย อวัยวะต่างๆ ที่มีส่วนสัมพันธ์กับฮอร์โมนเพศชายจะเริ่มเสื่อมลง ทำงานลดลงและเกิดอาการทางด้านจิตใจและอารมณ์ตามมา
อาการทางด้านร่างกาย : จะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัวโดยไม่มีสาเหตุ ไม่กระฉับกระเฉง กล้ามเนื้อต่างๆลดขนาดลง ไม่มีแรง และอวัยวะเพศเริ่มไม่แข็งตัวในช่วงตื่นตอนเช้า
อาการทางด้านสติปัญญาและอารมณ์ : เครียดและหงุดหงิดง่าย โกรธง่าย เฉื่อยชา ขาดสมาธิในการทำงาน ความจำลดลง โดยเฉพาะความจำระยะสั้น
อาการทางด้านระบบไหลเวียนโลหิต : บางคนอาจมีอาการ ร้อนวูบวาบหรือมีเหงื่อออกในตอนกลางคืน
อาการทางด้านจิตและเพศ : จะมีอาการนอนไม่หลับ ตื่นตกใจง่าย สมรรถภาพทางเพศและความต้องการทางเพศลดลง หรือ ไม่มีอารมณ์เพศ บางคนเกิดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศด้วย ปัจจุบันพบว่าชายไทยหลังอายุ 40 ปีไปแล้ว มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศเพิ่มขึ้น เพราะไม่มีอารมณ์เพศ เนื่องจากฮอร์โมนเพศชายเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอารมณ์เพศเมื่อระดับฮอร์โมนเพศชายลดลง จึงไม่เกิดอารมณ์ที่จะมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งอวัยวะเพศชายเมื่อขาดฮอร์โมนเพศชายไปกระตุ้นแล้วก็มักจะเสื่อมลงตามไปด้วย
.... ภัย...ที่รุกรานในระยะยาว
ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
ผลของการขาดฮอร์โมนเพศชายจะทำให้กระดูกบางลง เป็นโรคกระดูกพรุนได้ เช่นเดียวกับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ทำให้เกิดกระดูกหักในผู้ชายสูงวัยได้ นอกจากนี้กล้ามเนื้อจะค่อยๆลดขนาดลง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ชอบออกกำลังกาย มีผลให้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง
ระบบหลอดเลือดและหัวใจ
ฮอร์โมนเพศชายมีหน้าที่ช่วยการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ทำให้กระจายตัวของไขมันเป็นปกติ เมื่อขาดฮอร์โมนเพศชายจะทำให้ไขมันเลือดสูง มีผลทำให้ไขมันไปเกาะที่ผนังของเส้นเลือด ทำให้ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางเส้นเลือดลดลงและทำให้ผนังเส้นเลือดไม่ยืดหยุ่นเท่าที่ควร ทำให้เลือดไหลผ่านเส้นเลือดได้น้อยลง โดยเฉพาะถ้าเลือดไปเลี้ยงหัวใจน้อยหัวใจน้อยลง เป็นผลให้หัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง
สมรรถภาพทางเพศ
เมื่อร่างกายขาดฮอร์โมนเพศชายไปนานๆเข้า นอกจากอารมณ์เพศและการตอบสนองทางเพศลดลงแล้ว ความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์ ความถี่ในการถึงจุดสุดยอด รวมทั้งความพึงพอใจในการมีเพศสัมพันธ์ จะลดลงไปตามระดับของฮอร์โมนเพศชายที่ขาดหายไป รวมทั้งระยะเวลาที่ขาดหายไปด้วย
คุณภาพชีวิต
ผู้ชายส่วนใหญ่แล้วมักจะนำเอาความสามารถ และสมรรถภาพทางเพศมาเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต ดังนั้น เมื่อความสามารถในด้านนี้ลดลงจึงทำให้คุณภาพชีวิตลดลงไปด้วย
นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทั้งทางด้านร่างกายจิตใจและอารมณ์ที่เกิดขึ้นในผู้ชายวัยทอง จะเป็นสิ่งที่ซ้ำเติมให้คุณภาพชีวิตลดลงไปอีก
เตรียมกายเตรียมใจเข้าสู่วัยทอง
การเตรียมตัวที่ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง บางคนกล่าวว่าชีวิตเริ่มต้นเมื่อพ้นสี่สิบ ในวัยทองนี้จะต้องหมั่นรักษาสุขภาพกาย สุขภาพใจให้ได้ ใช้ชีวิตอย่างสุขุมรอบคอบ เดินสายกลาง ปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตให้เหมาะสม ทั้งการทำงาน การพักผ่อนสันทนาการ การออกกำลังกาย รวมทั้งการทำจิตใจให้สงบ ควบคุมอาหารการกินให้ได้สัดส่วนและเหมาะสมกับวัย และแน่นอนว่าถ้าระดับฮอร์โมนเพศชายที่ลดลงไปนั้น ทำให้คุณภาพชีวิตเลวลงแล้ว การไปขอคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ และรับฮอร์โมนเพศชายเสริมให้ได้ระดับปกติ อาจทำให้อาการต่างๆ อันไม่พึงประสงค์หมดไปและคุณภาพชีวิตดีขึ้น
|
สตรีวัยทอง
สตรีวัยทองหรือสตรีวัยหมดประจำเดือนหรือวัยหมดระดู คือ สตรีในวัยที่มีการสิ้นสุดของการมีประจำเดือนอย่างถาวร เนื่องจากรังไข่หยุดทำงาน มีสาเหตุมากจากการที่จำนวนไข่ใบเล็กๆในรังไข่มีปริมาณลดลง ซึ่งมีผลทำให้การสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง จนหยุดการสร้างไปในที่สุด
วัยทองเป็นระยะซึ่งสตรีส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นด้านครอบครัว หน้าที่การงาน และฐานะความเป็นอยู่ โดยเฉลี่ยสตรีไทยเริ่มเข้าสู่วัยทองหรือวัยหมดระดู โดยธรรมชาติเมื่ออายุประมาณ 50 ปี ในกรณีที่หมดระดูเมื่ออายุน้อยกว่า 40 ปี เรียกว่า หมดระดูก่อนเวลาอันควร ซึ่งจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆมากขึ้น เช่นเดียวกับสตรีที่หมดระดูจากการผ่าตัดรังไข่ออกทั้ง 2 ข้าง อายุขัยเฉลี่ยของสตรีไทยประมาณ 71 ปี ดังนั้นช่วงเวลาที่สตรีต้องอยู่ในสภาวะวัยหมดระดูนั้น มีประมาณ 1 ใน 3 ของช่วงชีวิตทั้งหมดของสตรี ซึ่งเป็นระยะเวลานานกว่า 20 ปี
มีอาการอย่างไร ?
เมื่อสตรีย่างเข้าสู่วัยทอง อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของร่างกายและจิตใจ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขาดฮอร์โมนเพศ คือ เอสโตรเจน เช่น
ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำสำหรับโรคที่เกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางเพศ
คลิกดูผลิตภัณฑ์ที่นี่ (สำหรับผู้ชาย)
คลิกดูผลิตภัณฑ์ที่นี่ (สำหรับผู้หญิง)
หน้าที่เข้าชม | 119,346 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 89,019 ครั้ง |
เปิดร้าน | 3 มิ.ย. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 29 ส.ค. 2568 |