คนปกติเวลาปัสสาวะอาจจะมีฟองขาวๆ บ้าง แต่ถ้ามีโปรตีนรั่วออกมาในปัสสาวะก็จะ ทำให้ปัสสาวะเป็นฟอง มีลักษณะ
เหมือนฟองเบียร์หรือฟองสบู่ สำหรับผู้ที่ปัสสาวะเป็นฟอง และปัสสาวะขุ่น (อาจเกิดจากการมีเม็ดเลือดแดงรั่วออกมาด้วย) เป็นข้อสันนิษฐานที่มีน้ำหนัก มากว่าจะเป็นโรคไต เหตุไฉนโปรตีนและเม็ดเลือดแดงจึงรั่วออกมาในปัสสาวะ?
หน่วยไตอักเสบเรื้อรังคืออะไร
ไตเป็นอวัยวะสำคัญในการขับน้ำส่วนเกินและของเสีย ในแต่ละวันไตจะต้องกรองเลือดที่ไหลเวียนผ่านมาราวๆ 1,700 ลิตร
จึงได้ของเสียและน้ำส่วนเกินประมาณ 1.5 ลิตร แล้วขับออกจากร่างกายในรูปของปัสสาวะ ไตแต่ละข้างมีหน่วยกรอง(Nephron)
มากกว่าหนึ่งล้านหน่วย ซึ่งประกอบด้วยกระจุกหลอดเลือดฝอย ที่เรียกว่าหน่วยไต (Glomerulus) เยื่อโบว์แมนและหลอดไตย่อย
หากมีการอักเสบเกิดขึ้นที่หน่วยไตก็จะทำให้การกรองเลือดไร้ประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีโปรตีนและ เม็ดเลือดแดง รั่วออกมา
ในปัสสาวะ แต่เนื่องจากไตแต่ละข้างมีหน่วยไตมากกว่าหนึ่งล้านหน่วย ผู้ป่วยหน่วยไตอักเสบเรื้อรังจึงอาจไม่ปรากฏอาการ
ในระยะแรกจนกว่าหน่วยไตเสียหายไปเป็นจำนวนมากถึงจะปรากฏอาการผิดปกติต่างๆ ออกมาหน่วยไตอักเสบเรื้อรังพบได้ใน
คนทุกเพศทุกวัยและจะนำไปสู่ไตวายเรื้อรังในที่สุด
หน่วยไตอักเสบเรื้อรังมีอาการเป็นอย่างไรบ้าง
หน่วยไตอักเสบเรื้อรังทำให้น้ำส่วนเกินและของเสียไม่ถูกขับออก จึงเกิดการคั่งจนเป็นพิษต่อร่างกาย ผู้ป่วยจึงมีกลุ่มอาการได้หลายแบบและมีการดำเนินของโรคอย่างเรื้อรัง อาจปรากฏอาการที่รุนแรงหรือไม่รุนแรงก็ได้ หรืออาจตรวจพบไตวายร่วมกับการมีโปรตีนและเม็ดเลือดแดงรั่วในปัสสาวะเป็นครั้งแรกโดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวมาก่อนก็ได้ ส่วนอาการที่พบบ่อยและสิ่งที่ตรวจพบมีดังนี้:
อาการทางร่างกาย ปวดหลังปวดเอว อ่อนเพลียเรื้อรัง ไม่มีเรี่ยวแรง วิงเวียน หน้ามืดตาลาย ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ฯลฯ
ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
อาการบวมน้ำตามร่างกาย ผู้ป่วยมักจะมีน้ำส่วนเกินคั่งอยู่ในร่างกายมากกว่า 3 ลิตรแล้วจึงปรากฏอาการบวมน้ำตามร่างกาย
ปัสสาวะมีเลือด อาจมองเห็นด้วยกล้องจุลทรรศน์หรือในรายที่รุนแรงก็จะมองเห็นด้วยตาเปล่า เช่น น้ำปัสสาวะสีแดงเหมือน
น้ำหมากหรือน้ำล้างเนื้อ เป็นต้น
ความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยจะมีความดันโลหิตสูงขึ้นเรื่อยๆ
ภาวะโลหิตจาง เนื่องจากไตลดการสร้างฮอร์โมนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง
ตรวจพบโปรตีนและเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ หน่วยไตเสียหายมากจนไม่สามารถกรองโปรตีนและเม็ดเลือดแดง
กลับไปสู่ร่างกาย
ค่า BUN และ Creatinine ผิดปกติ แสดงว่าหน่วยไตเสียหายมากกว่า 70-75% ทำให้ ไตขับของเสียได้ไม่เต็มที่
จึงเกิดการคั่งของของเสียจนเป็นพิษต่อร่างกาย
หน่วยไตอักเสบเรื้อรังเกิดจากสาเหตุอะไร
ถึงแม้ว่าปัจจุบันการแพทย์ตะวันตกยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคของผู้ป่วยส่วนใหญ่แต่ก็ได้สันนิษฐานว่าส่วนใหญ่อาจ
เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่เข้าใจผิดว่าตัวเนื้อไตเองเป็นสารแปลกปลอม จึงมีการสร้างสารภูมิต้านทาน
ไปเกาะที่เนื้อไตจนทำให้เนื้อไตเกิดพยาธิสภาพในรูปแบบต่างๆ
ส่วนการแพทย์จีนได้จัดหน่วยไตอักเสบเรื้อรังให้อยู่ในกลุ่มโรคของ บวมน้ำตามร่างกาย ( ) ปัสสาวะมีเลือด
ปวดหลังปวดเอว ( ไตอยู่ตรงตำแหน่งของเอว) ภาวะเลือดคั่ง
และ ภาวะพร่องพลัง
จึงนิยมใช้วิธีบำบัดแบบองค์รวม
เพื่อบำบัดกลุ่มอาการของหน่วยไตอักเสบเรื้อรัง อาทิ:
อาการบวมน้ำตามร่างกาย
ไตมีหน้าที่ควบคุมความสมดุลของน้ำในร่างกายโดยอาศัยพลังไฟมิ่งเหมิน จากไตในการระเหยน้ำ
ให้กลายเป็นไอแล้วส่งไปยังปอด และปอดก็จะส่งกระจายต่อไปทั่วร่างกาย ส่วนน้ำส่วนเกินก็จะถูกขับไปยังกระเพาะปัสสาวะ
เมื่อน้ำปัสสาวะมีปริมาณมากพอควร ก็จะ ถูกขับออกจากร่างกาย เมื่อไตเสื่อมลง พลังไฟมิ่งเหมินก็จะอ่อนลงด้วย
ทำให้ความสามารถ ในการระเหยน้ำลดลง น้ำก็จะไหลล้นไปอยู่ที่ใต้ผิวหนัง ส่งผลให้เกิดอาการบวมน้ำตามร่างกาย พร้อมทั้งมีอาการปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะตอนกลางคืนต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ
โปรตีนรั่วออกมาในปัสสาวะ
ไตมีหน้าที่เก็บสารจิง โดยอาศัยพลังชี่ของไต
ในการกักเก็บ สารจิงคือสารจำเป็นในการดำรงชีวิต
ซึ่งประกอบด้วยสารจิงที่มีมาแต่กำเนิดโดยได้รับการถ่ายทอดจากพ่อแม่ตั้งแต่เป็นทารกอยู่ในครรภ์ และสารจิงภายหลังกำเนิด
ซึ่งได้รับจากอาหารการกินเพื่อมิให้สารจิงพร่องลง เมื่อไตเสื่อมลง พลังชี่ในไตก็จะพร่องลงด้วย ทำให้ความสามารถในการกักเก็บ
ของไตพร่องลง โปรตีนจึงรั่วออกมาทางปัสสาวะ
ปัสสาวะมีเลือด
ตับเก็บสะสมเลือด ไตกักเก็บสารจิง ตับและไตนอกจากจะทำงานเกื้อหนุนซึ่งกันและกันแล้ว ยังส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน
ได้ด้วย เลือดในตับและสารจิงในไตสามารถแปรเปลี่ยนกันเพื่อทดแทนซึ่งกันและกัน รวมทั้งพยาธิสภาพของหยิน- หยางภายในตับและไตก็มักออกมาในลักษณะเดียวกันคือ ตับและไตมักจะหยินพร่อง
หรือหยางพร่อง
พร้อมกันทั้งคู่
หากตับและไตเกิดภาวะหยินพร่องพร้อมกันทั้งคู่ก็จะเกิดภาวะพิษร้อนที่ตับและไตส่งผลให้เส้นลมปราณในไตเกิดความเสียหาย
และไม่สามารถควบคุมเลือดให้ไหลเวียนอยู่ในวงจรปกติได้จนเกิดภาวะการเสียเลือด และรั่วออกมาในปัสสาวะ
วิธีการบำบัดของการแพทย์จีนเป็นอย่างไร
เป็นที่ทราบกันว่าหน่วยไตอักเสบเรื้อรังส่งผลกระทบต่อทุกๆ ระบบของร่างกาย การแพทย์จีนจึงนิยมใช้วิธีการบำบัดแบบองค์รวมโดยใช้สมุนไพรจีนที่บำบัดกลุ่มโรคของอาการบวมน้ำตามร่างกาย ปวดหลังปวดเอว และปัสสาวะมีเลือดเพื่อบำบัดกลุ่มอาการของหน่วยไตอักเสบเรื้อรังโดยมีกลไกออกฤทธิ์สำคัญดังนี้:
กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและขจัดภาวะเลือดคั่งในหน่วยไต ทำให้อัตราการกรองของหน่วยไต(Glomerular Filtration Rate,GFR) เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้ประสิทธิภาพการกรองของหน่วยไตดีขึ้น
ฟื้นฟูสมรรถภาพการกรองของผนังหลอดเลือดฝอยของหน่วยไต เพื่อลดปริมาณโปรตีนและเม็ดเลือดแดงที่รั่วในปัสสาวะ
ได้อย่างเด่นชัด
เพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดขาวในการกำจัดสารแปลกปลอมและสารอิมมูนคอมเพล็กซ์ที่ตกตะกอนในหน่วยไต
เพื่อขจัดสาเหตุสำคัญของหน่วยไตอักเสบเรื้อรัง
ช่วยขับปัสสาวะเพื่อขับน้ำส่วนเกินที่คั่งอยู่ในร่างกาย จึงบรรเทาอาการบวมน้ำตามร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การแพทย์จีนยังเน้นการบำรุงรักษาไตและรักษาความดันโลหิตสูงไปพร้อมๆ กันเพื่อเพิ่มอัตราการหายของโรค
การบำรุงรักษาไตนอกจากจะช่วยป้องกันหรือชะลอการลุกลามของโรคไปยังหน่วยไตส่วนที่ยังทำงานได้แล้ว
ยังสามารถช่วยหยุดยั้งการพัฒนาของโรคหรือฟื้นฟูหน่วยไตส่วนที่เกิดพยาธิสภาพไปแล้ว ที่สำคัญคือทำให้ไตกับอวัยวะอื่นๆ
ในร่างกายทำงานได้สมดุลขึ้น เพิ่มอัตราการหายของหน่วยไตอักเสบเรื้อรัง
ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญมากๆ ที่ทำให้ผู้ป่วยหน่วยไตอักเสบเรื้อรังมีการดำเนินของโรคเร็วขึ้น
เนื่องจากความดันโลหิตสูงเร่งให้ไตเสียหายมากขึ้นและเร็วขึ้น ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาความดันโลหิตสูงจนได้ค่าความดันต่ำลง
เหลือ 120/80 มม.ปรอท จะมีการดำเนินของโรคช้ากว่าผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงกว่านี้
ร่างกายจึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ไม่อ่อนเพลียง่าย อาการโปรตีนและเม็ดเลือดแดงรั่วออกมาในปัสสาวะ อาการบวมน้ำตามร่างกาย แขนขาไม่มีเรี่ยวแรง เบื่ออาหาร ขี้หนาว วิงเวียนศีรษะและอาการอื่นๆ ของหน่วยไตอักเสบเรื้อรังก็จะค่อยๆ ทุเลาลง
ผู้ป่วยหน่วยไตอักเสบควรหลีกเลี่ยงยาและอาหารประเภทใด
หลีกเลี่ยงการรับประทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ทั่วไปโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยาจากแพทย์ โดยเฉพาะ อะเซตมิโนแฟน
และแอสไพริน ซึ่งจะทำให้อาการไตอักเสบหนักขึ้น
จำกัดปริมาณโปรตีนไม่ควรเกิน 40 กรัมในแต่ละวัน เช่น ไข่ไก่ 1 ฟอง มีโปรตีน 6-8กรัม นมสด 1 ถ้วย มีโปรตีน 8 กรัม
เนื้อสัตว์ 1 ขีด มีโปรตีน 23 กรัม ฯลฯ
ควรงดอาหารเค็ม งดใช้เครื่องปรุง เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสทุกชนิด ผงชูรส เป็นต้น รวมทั้งอาหารที่ใส่ผงฟู สารกันบูด
อาหารกระป๋อง กะปิ น้ำพริก ปลาร้า หนำเลี้ยบ เป็นต้น
ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือโพแทสเซียมสูง เช่น ผลไม้แห้ง ส้ม มะละกอ มะขามมะเขือเทศ น้ำมะพร้าว ถั่ว สะตอ
มันทอด หอย เครื่องในสัตว์ เป็นต้น
การควบคุมและรับประทานอาหารที่ถูกต้องมีประโยชน์อย่างมากต่อผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง อาหารที่ผู้ป่วยควรให้ความสนใจ
เป็นพิเศษได้แก่ โปรตีน, ไขมัน, เกลือแร่และวิตามิน
1.ปริมาณโปรตีน เป็นสารอาหารสำคัญเพราะเป็นส่วนประกอบของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย แต่ในขณะเดียวกัน
ก็เป็นสารอาหารที่ทำให้เกิดของเสีย ซึ่งจะต้องอาศัยไตขับทิ้ง แต่เมื่อไตหยุดทำงานลง ของเสียเหล่านี้จะคั่งค้าง
กระจายไปตามกระแสเลือดและไปสะสมตามอวัยวะต่างๆจนทำให้อวัยวะต่างๆ ทำงานผิดปกติไป การได้อาหารประเภทโปรตีน
มากเกินไปจะทำให้เกิดของเสียในร่างกายเพิ่มขึ้น อาหารที่พบว่ามีโปรตีนสูงได้แก่ ไข่ ถั่ว นม เนื้อสัตว์ต่างๆ
นม นอกจากมีโปรตีนยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม โคเลสเตอรอล เพราะฉะนั้นเมื่อดื่มนม ต้องลดปริมาณ
เนื้อสัตว์ที่ทานลง
ไข่ มี 2 ส่วน คือ ไข่ขาวและไข่แดง ซึ่งเป็นโปรตีนคุณภาพดีทั้งคู่ แต่ในไข่แดงมีฟอสฟอรัสและโคเลสเตอรอลสูง
จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงไข่แดงให้รับประทานเฉพาะไข่ขาว
เมล็ดถั่วแห้งและผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น น้ำเต้าหู้ เต้าหู้ เป็นต้น เป็นแหล่งที่ให้โปรตีนมากและราคาประหยัด
อาหารเหล่านี้เมื่อทานเข้าไปแล้วทำให้ไตทำงานเพิ่มขึ้นจึงควรงดรับประทาน
เนื้อสัตว์ แนะนำเนื้อปลาเป็นแหล่งอาหาร
2.ปริมาณคาร์โบไฮเดรต ได้แก่ ข้าว ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ เผือก มัน วุ้นเส้น ขนมจีน ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารหมู่นี้ให้มาก
เพราะจะเป็นอาหารที่จะช่วยให้ท่านได้พลังงาน ยกเว้นผู้ป่วยที่มีเบาหวานร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณของอาหาร
3.ปริมาณไขมัน หลีกเลี่ยงไขมันสัตว์ เช่น ขาหมู หมูสามชั้น เป็ดพะโล้ เป็ดย่าง เป็ดปักกิ่ง หนังและก้นเป็ด
ไก่ตอน หนังและก้นไก่ น้ำมันหมู มันไก่ (เอามาหลอมเป็นน้ำมันใช้ผัดอาหาร) นม เนย ไข่แดง เป็นต้น
ไขมันจากมะพร้าว เช่น กะทิข้น น้ำมันมะพร้าว มะพร้าวแก่ที่นำมาประกอบอาหาร (เช่น มะพร้าวคั่ว) เป็นต้น
รวมทั้งประเภทแกงใส่กะทิ (แกงเผ็ด แกงคั่ว แกงกะหรี่ ฯลฯ) ข้าวซอย ก๋วยเตี๋ยวแกง (แขก) ขนมใส่กะทิ
เช่น ขนมปลากริมไข่เต่าบัวลอย แกงบวด เป็นต้น ทั้งนี้เนื่องจากมีกรดไขมันอิ่มตัวที่มีอยู่มากซึ่งจะเพิ่มระดับโคเลสเตอรอล
ในเลือดเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดทั่วไป หลอดเลือดในสมอง หลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดแดงที่นำเลือดไปสู่ไตเอง
ผู้ป่วยควรได้รับไขมันจากพืช น้ำมันพืชที่ดีที่สุด คือ น้ำมันถั่วเหลือง เพราะมีกรดไขมันอิ่มตัวไม่มากแต่อุดมด้วย
กรดไขมันไม่อิ่มตัว ไขมันสกัดจากปลา ไม่ใช้น้ำมันตับปลา ซึ่งถ้าได้รับพอเพียงจะช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด
4.ปริมาณเกลือแร่
โซเดียม
ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังจะต้องจำกัดโซเดียม ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม เช่น อาหารที่ใส่เกลือ น้ำปลาหรือซีอิ๊ว อาหารดองเค็ม เป็นต้น เพราะการรับประทานเค็มทำให้มีเกลือโซเดียมและน้ำคั่งค้างในร่างกายมาก ส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจโต น้ำท่วมปอด
หรือหัวใจวายได้ง่าย
ตัวอย่างอาหารที่มีเกลือมากควรหลีกเลี่ยง
1. ซอสปรุงรสที่มีเกลือมาก เช่น น้ำปลา ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรสจากถั่วเหลือง ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วญี่ปุ่น น้ำบูดู เต้าเจี้ยว เป็นต้น
2. ซอสหลายรสอาจมีทั้งรสหวาน เปรี้ยวและเค็ม ซอสพวกนี้มีเกลือผสมอยู่ด้วย เช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำจิ้มไก่ย่าง
ซอสตราไก่งวง เป็นต้น
3. อาหารหมักดองเค็ม เช่น กะปิ เต้าหู้ยี้ ปลาร้า ไตปลา ไข่เค็ม ผักดอง ผลไม้ดอง แหนม ส้มฟัก ไส้กรอกอีสาน เป็นต้น
4. อาหารตากแห้ง เช่น ปลาเค็ม เนื้อเค็ม หอยเค็ม กุ้งแห้ง ปลาแห้ง เป็นต้น
5. เนื้อสัตว์ปรุงรส มีทั้งรสหวานและเค็ม เช่น หมูหยอง หมูแผ่น กุนเชียง เป็นต้น
6. อาหารกึ่งสำเร็จรูปบรรจุถุง เช่น บะหมี่สำเร็จรูป โจ๊กซอง ซุปซอง เป็นต้น
7. อาหารสำเร็จรูปบรรจุถุง เช่น ข้าวเกรียบ ข้าวตังปรุงรส มันฝรั่งปรุงรส เป็นต้น
8. เครื่องปรุงแต่งรสที่มีเกลือมาก เช่น ซุปก้อน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสารปรุงแต่งรสที่ไม่มีรสเค็มแต่มีโซเดียมมาก
เช่น ผงชูรส ผงฟู สารกันบูด เป็นต้น
โพแทสเซียม
ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังมักจะมีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง จึงต้องจำกัดโพแทสเซียม ควรงดผลไม้เพราะในผลไม้
มีโพแทสเซียมมาก หากรับประทานผลไม้แล้วไม่สามารถขับโพแทสเซียมออกทางปัสสาวะ ทำให้เกิดการสะสมของ
โพแทสเซียมในร่างกาย ซึ่งถ้าระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงมากเกินไปอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ หากต้องการรับประทานผลไม้
ควรนำมารับประทานเช้าวันฟอกเลือด
ควรงดผักที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น บร๊อคโคลี่ ผักบุ้ง เห็ด มันฝรั่ง มะเขือเทศ มันเทศแครอท หน่อไม้ฝรั่ง ดอกกระหล่ำ
แขนงกระหล่ำ เป็นต้น
ควรงดผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น ฝรั่ง กล้วย มะขามหวาน กะท้อน น้อยหน่า ลางสาดแคนตาลูป น้ำส้มคั้น ลูกพรุน
ลูกเกด กล้วยตาก เป็นต้น
ส่วนผักที่มีโพแทสเซียมปานกลางที่ทานได้แต่ในปริมาณไม่มาก ได้แก่ ถั่วพู ถั่วฝักยาวมะเขือยาว หน่อไม้ไผ่ตรง
ผักคะน้า ถั่วลันเตา มะระ หัวผักกาดขาว
ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมปานกลางที่ทานได้แต่ในปริมาณไม่มาก ได้แก่ มะม่วงสุกมะม่วงดิบ มะละกอสุก ส้ม องุ่น แตงโม
สับปะรด แอปเปิ้ล ชมพู่
ผักที่มีโพแทสเซียมต่ำสามารถทานได้ ได้แก่ กระหล่ำปลี แตงกวา ผักกาดขาว บวบฟักเขียว น้ำเต้า ถั่วงอก
อาหารอื่นๆ ที่มีโพแทสเซียมสูงก็ควรจะงด เช่น น้ำนม โยเกิร์ต กะทิ มะพร้าว ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ เมล็ดทานตะวัน กาแฟ
ชาผง โกโก้ผสมช็อกโกแลต เป็นต้น
ฟอสเฟต
ผู้ป่วยมักจะมีระดับฟอสเฟตในเลือดสูง จึงต้องจำกัดฟอสเฟต ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีฟอสเฟตสูง เช่น เมล็ดฟักทอง
เมล็ดแตงโม ถั่วลิสง นมสด เนยแข็ง ไข่แดง ถั่วแดง ถั่วเขียวเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น เพราะจะทำให้ระดับฟอสเฟตในเลือดสูง
ถ้ามีการสะสมของฟอสเฟตในร่างกายมาก ทำให้ระดับพาราไทรอยด์ฮอร์โมน
สูงขึ้นและระดับวิตามินดีในร่างกายลดลง ผู้ป่วยอาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนเพลียและเกิดภาวะกระดูกผุเร็วขึ้น
เหล็ก
ผู้ป่วยมักจะเลือดจางและอยู่ในภาวะที่ขาดธาตุเหล็ก ควรได้รับเสริมในรูปของยารับประทานหรือยาฉีด
5.ปริมาณน้ำบริโภค ผู้ป่วยดื่มน้ำได้ไม่เกินวันละประมาณ 500 มิลลิลิตร หรือประมาณ2 แก้วขนาดกลาง น้ำที่ใช้ดื่มควรเป็น
น้ำสะอาดมิใช่น้ำแร่เหรือเครื่องดื่มเกลือแร่ สังเกตว่ามีน้ำในร่างกายมากเกินไปหรือไม่โดยชั่งน้ำหนักทุกเช้าน้ำหนัก
ควรเพิ่มขึ้นวันละไม่เกิน 0.5 กก. หากน้ำหนักเพิ่มมากกว่า 0.5 กิโลกรัมต่อวันแสดงว่าร่างกายกำลังมีน้ำสะสมมากเกินจำเป็น
ต้องอดหรือลดการดื่มน้ำสำหรับวันนั้น การมีน้ำในร่างกายมากอาจทำให้เกิดบวมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เกิดภาวะน้ำท่วมปอด หัวใจวายหรือภาวะความดันเลือดสูงได้
ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำสำหรับโรคที่เกี่ยวข้องกับปัสสาวะเป็นฟอง
หน้าที่เข้าชม | 119,346 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 89,019 ครั้ง |
เปิดร้าน | 3 มิ.ย. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 29 ส.ค. 2568 |